จป. กับการจัดการสารเคมีในที่ทำงาน ตามมาตรฐาน

by admin
14 views

ในสถานที่ทำงานที่มีการใช้หรือจัดเก็บสารเคมี ความปลอดภัยในการจัดการสารเคมีเป็นหัวใจสำคัญที่ช่วยป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ทั้งจากการสัมผัส การรั่วไหล การระเบิด หรือการเกิดเพลิงไหม้ เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน (จป.) มีบทบาทสำคัญในการประเมินความเสี่ยง กำหนดมาตรการ และส่งเสริมการปฏิบัติตามมาตรฐานความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด

ประเภทของสารเคมีและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง

สารเคมีในสถานที่ทำงานสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามลักษณะของอันตราย เช่น

  1. สารเคมีอันตรายต่อสุขภาพ (Health Hazardous Chemicals):
    • สารที่มีพิษ เช่น เบนซีน ที่สามารถก่อให้เกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว
    • สารระคายเคือง เช่น แอมโมเนีย ที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ
  2. สารเคมีไวไฟ (Flammable Chemicals):
    • เช่น เมทานอล และอะซีโตน ที่สามารถติดไฟได้ง่าย
  3. สารเคมีกัดกร่อน (Corrosive Chemicals):
    • เช่น กรดซัลฟิวริก และด่างโซเดียมไฮดรอกไซด์ ที่สามารถกัดกร่อนโลหะและเนื้อเยื่อมนุษย์
  4. สารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Hazardous Chemicals):
    • เช่น สารฟอสเฟต ที่อาจปนเปื้อนในแหล่งน้ำและทำลายระบบนิเวศ

อ้างอิง: United Nations Economic Commission for Europe (UNECE), Globally Harmonized System of Classification and Labelling of Chemicals (GHS), 2023

จำแนกและติดฉลากสารเคมี

แนวทางการจัดการสารเคมีอย่างปลอดภัย

1. การจำแนกและติดฉลากสารเคมี (Chemical Classification and Labelling)

ตามหลักของระบบ GHS การจัดการสารเคมีเริ่มต้นด้วยการจำแนกประเภทของสารเคมีอย่างถูกต้องและการติดฉลากที่เหมาะสม ฉลากควรประกอบด้วยข้อมูลสำคัญ เช่น

  • ชื่อสารเคมี
  • สัญลักษณ์แสดงความเป็นอันตราย
  • คำเตือน (Signal Words) เช่น “อันตราย” หรือ “ระวัง”
  • ข้อความระบุความเป็นอันตราย (Hazard Statements)

2. การจัดเก็บสารเคมี (Chemical Storage)

การจัดเก็บสารเคมีต้องคำนึงถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น

  • เก็บสารเคมีที่มีคุณสมบัติไวไฟในพื้นที่ที่มีการระบายอากาศดี
  • แยกสารเคมีที่อาจเกิดปฏิกิริยารุนแรงออกจากกัน เช่น กรดกับด่าง
  • ติดป้ายบ่งชี้ประเภทของสารเคมีในพื้นที่จัดเก็บ

3. ใช้เครื่องมือประเมินความเสี่ยง (Risk Assessment)

จป. ควรดำเนินการประเมินความเสี่ยงเกี่ยวกับการใช้งานและการจัดเก็บสารเคมีเป็นระยะ โดยใช้วิธีการ เช่น

  • Hazard Identification and Risk Assessment (HIRA): ช่วยระบุและประเมินความรุนแรงของความเสี่ยง
  • Job Safety Analysis (JSA): ประเมินความเสี่ยงที่เกิดจากขั้นตอนการทำงาน

4. การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันภัยส่วนบุคคล (PPE)

พนักงานที่ปฏิบัติงานเกี่ยวข้องกับสารเคมีควรได้รับ PPE ที่เหมาะสม เช่น

  • ถุงมือที่ทนต่อสารเคมี
  • แว่นตานิรภัย
  • ชุดป้องกันสารเคมี

5. การฝึกอบรมและให้ความรู้ (Training and Education)

จป. ควรจัดฝึกอบรมให้พนักงานทราบถึงวิธีการใช้งานสารเคมีอย่างปลอดภัย วิธีการปฏิบัติในกรณีฉุกเฉิน และความสำคัญของการปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย ในจุดนี้ทางนายจ้างเอง ต้องส่งพนักงานใหม่เข้า อบรมการทำงานกับสารเคมี ก่อนจะปฏิบัติงานจริง โดยเป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย และต้องมีการทบทวนความรู้การทำงานกับสารเคมีทุกปี

นอกจากนี้ผู้ที่ทำหน้าที่ จป ในตำแหน่ง จป.หัวหน้างาน จป.บริหาร และ จป.เทคนิค เองต่างต้องผ่านการอบรมหลักสูตรในตำแหน่งงานของตนเอง พร้อมขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้อง ก่อนปฏิบัติงานเช่นกัน สามารถอ่านรายละเอียดหลักสูตรได้ที่นี่ >> หลักสูตร จป ตามกฎหมาย

เหตุฉุกเฉินเกี่ยวกับสารเคมี

วิธีการจัดการกรณีฉุกเฉินเกี่ยวกับสารเคมี (Emergency Response Management)

เมื่อเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉินที่เกี่ยวข้องกับสารเคมี เช่น สารเคมีรั่วไหล หรือสารเคมีเกิดการติดไฟลุกลาม จป. ต้องมีแผนปฏิบัติการที่ชัดเจน ตัวอย่างขั้นตอนที่ควรปฏิบัติ ได้แก่

  1. แจ้งเหตุฉุกเฉิน: ใช้ระบบแจ้งเตือนเพื่อให้ทุกคนรับทราบ
  2. อพยพพนักงาน: อพยพพนักงานไปยังพื้นที่ปลอดภัย
  3. ควบคุมการรั่วไหล: ใช้อุปกรณ์ดูดซับสารเคมี (Spill Kit) เพื่อจำกัดการกระจาย
  4. ตรวจสอบสิ่งแวดล้อม: หลังควบคุมเหตุการณ์ ต้องประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

กฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสารเคมีในประเทศไทย

ในประเทศไทย มีข้อกำหนดด้านกฎหมายและมาตรฐานที่เกี่ยวข้องกับการจัดการสารเคมี เช่น

  • พระราชบัญญัติความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน พ.ศ. 2554
    กำหนดให้สถานประกอบการจัดการสารเคมีอย่างปลอดภัย และให้พนักงานทุกคนได้รับความรู้เกี่ยวกับสารเคมีที่ใช้งาน
  • มาตรฐาน ISO 45001:2018
    ส่งเสริมให้มีการประเมินความเสี่ยงและควบคุมความปลอดภัยจากสารเคมีในระบบการจัดการความปลอดภัยขององค์กร

บทบาทของ จป. ในการจัดการสารเคมี

บทบาทของ จป. ในการจัดการสารเคมี

เจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงานมีบทบาทสำคัญในการป้องกันอันตรายจากสารเคมีในสถานที่ทำงาน ได้แก่

  1. การตรวจสอบความปลอดภัย: จป. ต้องดำเนินการตรวจสอบสารเคมีและพื้นที่จัดเก็บเป็นประจำ
  2. การวางแผนป้องกัน: จัดทำแผนควบคุมความเสี่ยงที่ครอบคลุมทุกขั้นตอนของการใช้งานสารเคมี
  3. การสื่อสาร: จัดทำเอกสารข้อมูลความปลอดภัยสารเคมี (SDS) และให้ข้อมูลกับพนักงานทุกคน

สรุป

การจัดการสารเคมีในสถานที่ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพจำเป็นต้องอาศัยความรู้ ความชำนาญ และความเอาใจใส่ของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในการทำงาน การปฏิบัติตามมาตรฐานสากลและกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมถึงการส่งเสริมการฝึกอบรมพนักงานเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อให้สถานที่ทำงานมีความปลอดภัยและปลอดจากอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากสารเคมี

Smartweb แหล่งรวบรวมความรู้ที่เป็นประโยชน์ในด้านความปลอดภัยในการทำงาน เรียนรู้เรื่องน่าสนใจและเทคนิคที่คุณสามารถนำไปใช้ได้จริง 

Copyright @2024  All Right Reserved – Designed and Developed by smartweb-ec